ที่มา :
http://newsupdate.thaiautocars.com/2016/02/blog-post_869.html
สุขภาพในช่องปากเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกๆคน
ดังนั้นเราจึงพยายามในการรักรักษาสุขภาพในช่องปากให้สะอาด สุขภาพดี ไม่มีกลิ่นปาก ในปัจจุบันนอกจากน้ำยาบ้วนปากเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดช่องปากที่นิยมใช้เพื่อช่วยเสริมการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากนอกเหนือไปจากการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟัน
น้ำยาบ้วนปากมีอยู่หลากหลายชนิดให้ผู้บริโภคได้เลือกใช้ทั้งแบบชนิดที่มีรสหอม เพื่อช่วยทำให้ช่องปากสดชื่น ชนิดที่มีฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ
และชนิดที่มีสารระงับเชื้อเพื่อช่วยลดปริมาณคราบจุลินทรีย์ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดกลิ่นปาก
ผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากส่วนใหญ่ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดนั้นมักมีสารต้านเชื้อแบคทีเรียเป็นส่วนผสมนอกเหนือไปจากการมีรสหอมน่าใช้
เพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพในการป้องกันรักษาโรคเหงือกและฟันและปัญหากลิ่นปากได้ดีขึ้น
โดยหนึ่งในสารระงับเชื้อที่พบว่ามีการเติมลงในผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากคือ ไธมอล
ข้อมูลทั่วไปของไธมอล (thymol)
ชื่อ IUPAC : 5-Methyl-2-(propan-2-yl)phenol
ชื่ออื่น : 5-Methyl-2-(1-methylethyl)phenol
; 1-Methyl-3-hydroxy-4-isopropylbenzene
สูตรเคมี : C10H14O
สูตรโครงสร้าง :
ที่มา :http://www.chemspider.com/Chemical-Structure.21105998.html
มวลต่อโมล : 150.22 g/mol
สมบัติทางเคมีและกายภาพ
ลักษณะ : เป็นของแข็ง ไม่มีสี มีกลิ่นเฉพาะตัว ไธมอลเป็นสารที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติ
ข้อมูลเกี่ยวกับอันตราย
เมื่อถูกผิวหนัง :
ระคายเคืองบริเวณที่โดนสาร
เมื่อเข้าตา :
เกิดการระคายเคืองตา
เมื่อกลืนกิน :
ระคายเคืองต่อเยื่อบุในปาก หลอดลม
หลอดอาหารและระบบลำไส้
ผลต่อระบบในร่างกาย :
ระบบประสาทส่วนกลางผิดปกติ
หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจผิดปกติ เป็นพิษต่อ ไต , ตับ
ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ : ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในน้ำ
การปฐมพยาบาล
เมื่อสูดดม : ในกรณีที่ผู้ป่วยสูดดมสารเข้าไป
ให้ย้ายผู้ป่วยไปที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยไม่หายใจ ให้การช่วยหายใจ
ถ้าผู้ป่วยหายใจลำบากทำหารให้ออกซิเจน หลังจากนั้นไปพบแพทย์
เมื่อถูกผิวหนัง : ชะล้างออกด้วยน้ำปริมาณมาก ทาด้วยพอลีเอทิลีนไกลคอล 400
ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนออกทันที
เมื่อเข้าตา : ในกรณีที่สารเข้าตา ให้ล้างตาด้วยน้ำปริมาณมากเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที และต้องแน่ใจว่าได้ล้างตาอย่างเพียงพอโดยใช้นิ้วมือแยกเปลือกตาออกจากกันระหว่างล้าง พบจักษุแพทย์ทันที
เมื่อเข้าตา : ในกรณีที่สารเข้าตา ให้ล้างตาด้วยน้ำปริมาณมากเป็นเวลาอย่างน้อย 10 นาที และต้องแน่ใจว่าได้ล้างตาอย่างเพียงพอโดยใช้นิ้วมือแยกเปลือกตาออกจากกันระหว่างล้าง พบจักษุแพทย์ทันที
เมื่อกลืนกิน : ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำปริมาณมาก (หลายลิตรถ้าจำเป็น),
ไม่ควรทำให้อาเจียน
(อาจทำให้เกิดการกัดจนทะลุ) นำส่งแพทย์ทันที ห้ามปรับสภาพสารให้เป็นกลาง
การเก็บรักษา
ใส่ในภาชนะที่ปิดสนิท เก็บในที่แห้ง
บริเวณที่มีการถ่ายเทอากาศได้ดี ณ. อุณหภูมิ +15 ถึง +25 องศาเซลเซียส
โครงสร้างทางเคมีและกลไกการออกฤทธิ์
ไธมอล (thymol) หรือไอโซโพรพิลเมธิลฟีนอล
(isopropylmethylphenol, IPMP) เป็นสารอนุพันธ์ในกลุ่มโมโนเทอร์ปีน
ฟีนอล (monoterpene phenol) ซึ่งพบได้ในธรรมชาติในน้ำมันที่สกัดจากต้นไธม์
(thyme)
ไธมอลมีกลิ่นหอมและยังมีฤทธิ์ดีในการระงับเชื้อ
สารนี้ละลายน้ำได้ค่อนข้างน้อย แต่ละลายได้ดีในแอลกอฮอล์และตัวทำละลายอินทรีย์
ไธมอลเป็นที่นิยมนำมาใช้ผสมในน้ำยาบ้วนปากดับกลิ่นและน้ำยากลั้วคอในสัดส่วนประมาณร้อยละ
0.05 ถึง 0.06 โดยสามารถออกฤทธิ์ระงับเชื้อโดยมีกลไกการทำงานไปทำลายผนังเซลล์แบคทีเรียที่อยู่ในช่องปาก
ทำให้เสียสมดุลย์ เซลล์แตกและตายในที่สุด
โดยไธมอลจะคงตัวอยู่ในช่องปากและยังคงมีฤทธิ์ในการระงับเชื้ออยู่ภายหลังการใช้ประมาณ
2 ชั่วโมง
ความเป็นพิษ
ไธมอลจัดเป็นสารที่มีความเป็นพิษ
เป็นอันตรายหากกลืน จะทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกกระเพาะอาหาร
นอกจากนี้ยังเป็นอันตรายหากสูดดมหรือสัมผัสกับสารนี้โดยตรง
ทั้งนี้มีรายงานค่าความเป็นพิษของไธมอล โดยพบว่าปริมาณสารไธมอลที่ทำให้หนู (rat) ตายร้อยละ 50
เมื่อให้โดยการรับประทานมีค่าเท่ากับ 980 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
และปริมาณที่ทำให้หนู (mouse) ตายร้อยละ 50 เมื่อให้โดยการฉีด มีค่าเท่ากับ 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
นอกจากนี้ยังมีอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
ดังนั้นต้องมีความระมัดระวังในการทำงานกับสารดังกล่าว
สำหรับการนำไธมอลมาผสมในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น น้ำยาบ้วนปาก ยาสีฟัน แป้งผงโรยตัว
น้ำยาทำให้ปากสดชื่น เป็นต้น ต้องใช้ที่ความเข้มข้นในปริมาณที่เหมาะสมตามกำหนด
อาการพิษ
หากรับประทานไธมอลที่มีความเข้มข้นสูง
ๆ จะทำให้เกิดพิษเช่นเดียวกับฟีนอล แต่อาจมีความเป็นพิษน้อยกว่า
โดยทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน เหงื่ออก
ท้องเสีย ไปจนถึงหมดสติ
อย่างไรก็ตามในกรณีของไธมอลที่ใช้ผสมในน้ำยาบ้วนปาก
(มีไธมอลผสมอยู่ในปริมาณประมาณร้อยละ 0.05
ถึง 0.06) ยังไม่มีรายงานถึงอันตรายหรือความเป็นพิษ
ข้อควรระวัง
ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสไธมอลที่มีความเข้มข้นสูงโดยตรง
สำหรับน้ำยาบ้วนปากที่มีไธมอลเป็นองค์ประกอบมักพบว่าเป็นชนิดที่มีแอลกอฮอล์ผสมในปริมาณค่อนข้างสูง
(เพื่อช่วยในการละลายของไธมอลที่ละลายได้ไม่ดีในน้ำ) จึงต้องระมัดระวังในการใช้
ให้อ่านวิธีใช้ข้างขวดให้รอบคอบ ไม่ควรใช้บ่อยหรือในปริมาณมากกว่าที่กำหนด
และอย่าเผลอกลืน เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อเมือกต่าง ๆ ได้บ้าง
ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณและความถี่ของการใช้
การปฐมพยาบาล
เนื่องจากไธมอลที่ผสมในน้ำยาบ้วนปากมีในปริมาณน้อย
และยังไม่มีรายงานถึงอันตรายและการเกิดพิษ ในกรณีที่เผลอกลืนลงไปในปริมาณเพียงเล็กน้อยไม่ควรที่จะทำให้เกิดการระคายเคือง
อย่างไรก็ตามหากกระเด็นเข้าตา ให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดจนอาการระคายเคืองทุเลา
หากมีอาการรุนแรงให้ไปพบแพทย์
การเก็บรักษา
ตามวิธีที่ระบุไว้บนฉลากของแต่ละผลิตภัณฑ์ที่มีไธมอลเป็นส่วนผสม
ที่มาข้อมูล
- เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี, มหาวิทยาลัย. (ม.ป.ป.). สารเคมีในชีวิตประจำวันเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ภายใน ห้องน้ำและครัว (ไธมอล (Thymol) น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อ). สืบค้นเมื่อ 16 มกราคม, 2560,จาก http://www.neutron.rmutphysics.com/science-news/index.php?option=com_content&task=view&id=1686&Itemid=4&limit=1&limitstart=6
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย. (2004). เอกสารข้อมูลความปลอดภัย (Thymol). สืบค้นเมื่อ 6 ,มกราคม, 2560,จากhttp://www.chemtrack.org/MSDSSG/Merck/msdst/1596/159681.htm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น