เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าในปัจจุบัน ผงชูรสเป็นเครื่องปรุงพื้นฐานที่แทบทุกครัวเรือนจะต้องมีไว้ประจำครัว ผงชูรสมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย วัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงรสชาติของอาหารให้ดีขึ้น ถูกปากมากยิ่งขึ้น มีการนำผงชูรสมาเติมในอาหารหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด ส้มตำ ต้มยำ ฯลฯ ซึ่งวันนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้าผงชูรสกันค่ะ ว่าเจ้าผงชูรสที่ว่านี้มีสารอะไรเป็นองค์ประกอบ มีขบวนการผลิตอย่างไร มีประโยชน์และโทษอย่างไรบ้าง
ผงชูรสคืออะไร
ที่มา : http://deliciousliving.com/blog/brief-and-interesting-history-msg
ผงชูรสเป็นวัตถุเจือปนอาหาร (food additive) มีชื่อทางเคมีว่าโมโนโซเดียมกลูตาเมต (Monosodium glutamate) มีชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า เอ็ม เอส จี (MSG) มีลักษณะเป็นผงผลึกสีขาว ไม่มีกลิ่น เป็นสารเพิ่มรสชาติอาหาร (flavor enhancer) ทำให้อาหารมีรสชาติโดยรวมดีขึ้น เป็นเกลือของ glutamic acid ซึ่งเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่ง glutamate พบในอาหารหลายชนิด เช่น สาหร่ายทะเล ถั่วเหลือง เห็ด เนื้อสัตว์ มะเขือเทศ
เมื่อโมโนโซเดียมกลูตาเมตละลายในน้ำ จะแตกตัวได้โซเดียมและกลูตาเมต (glutamate) ไอออนอิสระที่มีสมบัติเพิ่มรสชาติของอาหารให้เด่นชัดมากขึ้น ทำให้เกิดรสชาติเฉพาะตัวที่เรียกว่า รสอูมามิ (Umami) โดยช่วยเพิ่มรสชาติของรสชาติพื้นฐาน 4 รสที่เรารู้จักกันดีคือ รสหวาน รสเค็ม รสเปรี้ยว และรสขม ให้เด่นชัดมากขึ้น ในการศึกษาทางเภสัชวิทยาเกี่ยวกับรสชาติพบว่าผงชูรสสามารถกระตุ้น Glutamate Receptor แล้วทำให้เกิดรสชาติเฉพาะตัวที่เรียกว่ารส อูมามิ (Umami) ซึ่งเป็นรสที่ 5 ที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้และมีเอกลักษณ์แตกต่างจากรสชาติพื้นฐานทั้ง 4
เมื่อโมโนโซเดียมกลูตาเมตละลายในน้ำ จะแตกตัวได้โซเดียมและกลูตาเมต (glutamate) ไอออนอิสระที่มีสมบัติเพิ่มรสชาติของอาหารให้เด่นชัดมากขึ้น ทำให้เกิดรสชาติเฉพาะตัวที่เรียกว่า รสอูมามิ (Umami) โดยช่วยเพิ่มรสชาติของรสชาติพื้นฐาน 4 รสที่เรารู้จักกันดีคือ รสหวาน รสเค็ม รสเปรี้ยว และรสขม ให้เด่นชัดมากขึ้น ในการศึกษาทางเภสัชวิทยาเกี่ยวกับรสชาติพบว่าผงชูรสสามารถกระตุ้น Glutamate Receptor แล้วทำให้เกิดรสชาติเฉพาะตัวที่เรียกว่ารส อูมามิ (Umami) ซึ่งเป็นรสที่ 5 ที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้และมีเอกลักษณ์แตกต่างจากรสชาติพื้นฐานทั้ง 4
ประวัติการค้นพบผงชูรส
ในปี
ค.ศ. 1908 (พ.ศ. 2451) ศาสตราจารย์
ดร. คิคุนาเอะ อิเคดะ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล ประเทศญี่ปุ่น ได้ค้นพบว่าผลึกสีน้ำตาลที่สกัดได้จากสาหร่ายทะเลที่ชื่อว่าคอมบุ (Japonica
laminaria) นั้นคือ กรดกลูตามิก และเมื่อลองชิมพบว่ามีรสใกล้เคียงกับซุปสาหร่ายทะเล ซึ่งเป็นอาหารประจำวันของชาวญี่ปุ่นที่บริโภคกันมาหลายร้อยปี
เขาได้ตั้งชื่อรสชาติของกรดกลูตามิกที่สกัดได้ว่า "อูมามิ" หลังจากนั้นได้จดสิทธิบัตรการผลิตกรดกลูตามิกในปริมาณมาก
ๆ เป็นที่มาของอุตสาหกรรมผงชูรสในปัจจุบัน
ผงชูรสมีการขายในเชิงพานิชย์ครั้งแรกในปี
ค.ศ. 1909 (พ.ศ.
2452) ภายใต้ชื่อการค้าเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า อายิโนะโมะโต๊ะ (Ajinomoto
หมายถึง แก่นแท้ของรสชาติ) ในประเทศญี่ปุ่น โดยใช้วิธีการย่อยแป้งสาลีด้วยกรดเพื่อให้ได้กรดอะมิโนแล้วจึงแยกกลูตาเมตออกมาภายหลัง
ผงชูรสที่ผลิตในเชิงพาณิชย์ในสมัยใหม่ผลิตขึ้นโดยการหมักด้วยจุลินทรีย์ในกลุ่ม Corynebacterium ในประเทศไทยใช้แป้งมันสำปะหลังและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลัก
ตลาดผงชูรสโลกมีขนาด 1.5 ล้านต้น ในปี พ.ศ. 2544 และคาดว่ามีการเติบโตในอัตราปีละ
4% ในเชิงพานิชย์มีการใช้ผงชูรสเป็นวัตถุปรุงแต่งรสอาหารซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มวัตถุเจือปนอาหาร ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อนุญาตให้ใช้ได้ในอาหารที่บริโภคโดยคนทั่วไป
และพบได้ในอาหารว่างประเภทขนมขบเคี้ยว อาหารแช่แข็ง และอาหารปรุงสำเร็จ เช่น
เครื่องปรุงรสสำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น ในภาษาจีน เรียกผงชูรสว่า เว่ยจิง
ทำความรู้จัก Monosodium glutamate
ชื่อ : Monosodium glutamate
ชื่อ IUPAC : Sodium 2-Aminopentanedioate
สูตรเคมี : C5H8NNaO4
สูตรโครงสร้าง :
ที่มา https://www.theodysseyonline.com/msg-artificial-or-natural-good-or-bad
มวลโมเลกุล : 169.111 amu.
จุดหลอมเหลว : 232 ๐C
ขบวนการผลิตผงชูรส
ผงชูรสผลิตจากขบวนการทางเคมี ซึ่งมีทั้งกระบวนการหมักและต้องใช้สารเคมีหลายตัว เช่น กรดกำมะถันหรือกรดซัลฟิวริค (H2SO4)
ขบวนการผลิตผงชูรสอาจเขียนเป็นแผนผังโดยย่อได้ดังต่อไปนี้
ขั้นตอนการผลิตผงชูรสจากแป้งมันสำปะหลัง
กระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคส (Liquefaction and Saccharification)
เปลี่ยนแป้งมันสำปะหลัง (Tapioca starch) โดยใช้กรดกำมะถันหรือกรดซัลฟิวริค (H2SO4) ผ่านขบวนการย่อยสลายแป้งทางเคมีที่ 130 องศาเซลเซียส (SACCHARIFICATION)
กระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคส |
กระบวนการหมักเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสเป็นแอมโมเนียมกลูตาเมต (Ammonium Glutamate)
ใช้ยูเรีย(Urea) และเชื้อจุลินทรีย์ (Corynebacterium
glutanicum) ผ่านขบวนการหมัก (Fermentation)
กระบวนการหมักเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสเป็นแอมโมเนียมกลูตาเมต |
กระบวนการเปลี่ยนแอมโมเนียมกลูตาเมต (Ammonium Glutamate) เป็นกรดกลูตามิก (Glutamic acid)
ใช้กรดเกลือหรือกรดไฮโดรคลอริค (HCl) ผ่านขบวนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
|
|
กระบวนการเปลี่ยนกรดกลูตามิค (Glutamic acid) เป็นโมโนโซเดียมกลูตาเมต (Monosodium glutamate)
ใช้โซดาไฟ หรือโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) ผ่านขบวนการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
กระบวนการเปลี่ยนกรดกลูตามิค (Glutamic acid) เป็นโมโนโซเดียมกลูตาเมต
กระบวนการกำจัดสีและสิ่งเจือปน (Decolorization)
ผ่านกระบวนการฟอกสี โดยการผ่านสารละลายไปในถังถ่านกัมมันต์ (Activated
Carbon) และตกผลึก (Crystalization) ได้ผลึกโมโนโซเดียมบริสุทธิ์
กระบวนการทำแห้งและแบ่งบรรจุ (Drying and Packing)
เป่าผลึกโมโนโซเดียมบริสุทธิ์ด้วยลมร้อน (ที่กรองละอองฝุ่นออกแล้ว)
จนกระทั่งผลึกแห้ง แล้วคัดแยกขนาด ตามจุดประสงค์การใช้งานแล้วแบ่งบรรจุ
ลงในบรรจุภัณฑ์ตามมาตรฐาน
ผงชูรสมีประโยชน์หรือไม่
ผงชูรสไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการ ถึงแม้จะเกี่ยวข้องกับกรดกลูตามิค ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ไม่มีความจำเป็น เพราะร่างกายผลิตเองได้ จึงไม่มีคุณค่าทางอาหารแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อนึ่ง ผงชูรสเป็นสารเคมีคนละตัวกับกรดกลูตามิคที่มีอยู่ในธรรมชาติและในอาหารประเภทโปรตีน โดยที่ผงชูรสเป็นเกลือโซเดียมเช่นเดียวกับเกลือแกง เป็นคนละตัวกับกรดเกลือที่หลั่งอยู่ในกระเพาะอาหารเวลาหิวนอกจากไม่มีประโยชน์แล้ว ผงชูรสยังมีโทษและพิษภัยอันตรายมากมายด้วย ซึ่งจะกล่าวโดยย่อดังต่อไปนี้
พิษภัยและอันตรายของผงชูรส
พิษภัยและอันตรายของผงชูรสอาจแบ่งออกเป็น 2
ส่วน ได้แก่ ส่วนที่เกิดจากโซเดียมและส่วนที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้ๆ
พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากเกลือโซเดียม
ผงชูรสมีโซเดียมที่มาจากโซดาไฟเป็นองค์ประกอบสำคัญเช่นเดียวกับเกลือแกง
แต่อันตรายมากกว่าเกลือแกงตรงที่ว่าเกลือแกงใช้เพียงนิดเดียว ก็รู้สึกว่ามีรสเค็ม
แต่ผงชูรสใส่มากเท่าไรก็ไม่รู้สึกตัวว่ามีปริมาณโซเดียมมากเท่าไร เพราะไม่มีรสเค็มให้รู้สึกเหมือนอย่างเกลือแกง
หรือพูดอีกนัยหนี่ง ผงชูรสมี “พิษแฝง” ในเรื่องโซเดียม ซึ่งมีพิษภัยอันตรายดังต่อไปนี้
|
พิษภัยและอันตรายที่เกิดจากตัวผงชูรสแท้ |
ที่มา :
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น